
จุดแข็งสำหรับโรงงานที่ต้องการลดต้นทุน !
ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจสูง โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมการผลิต โรงงานต่างต้องเผชิญกับแรงกดดันด้านต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ทั้งจากราคาวัตถุดิบ ค่าแรง และความต้องการของลูกค้าที่ซับซ้อนขึ้น การบริหารจัดการที่ผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจหมายถึงกำไรที่หายไปมหาศาล
ปัญหาใหญ่ที่โรงงานส่วนใหญ่ต้องเจอคือ “ต้นทุนแฝง” (Hidden Costs) ที่มองไม่เห็น เช่น:
- สต็อกจม (Dead Stock): การสั่งวัตถุดิบมาเกินความจำเป็น ทำให้เงินทุนจมอยู่กับของที่ไม่ได้ใช้
- งานเสีย (Scrap/Rework): กระบวนการผลิตที่ผิดพลาด ทำให้ต้องทิ้งสินค้าหรือเสียเวลาแก้ไข
- การรอคอย (Waiting Time): เครื่องจักรหยุดทำงานเพราะวัตถุดิบไม่มาส่ง หรือแผนกหนึ่งต้องรออีกแผนกหนึ่งทำงาน
- การทำงานซ้ำซ้อน: ข้อมูลกระจัดกระจาย ไม่เชื่อมโยงกันระหว่างฝ่ายขาย วางแผน จัดซื้อ และผลิต
นี่คือจุดที่ PlanetOne ERP เข้ามามีบทบาทสำคัญ และสร้างความโดดเด่นเหนือระบบ ERP ทั่วไป โดยเฉพาะใน “ระบบการผลิต” (Manufacturing Module) ที่ถูกออกแบบมาเพื่ออุดรอยรั่วเหล่านี้ และเปลี่ยนต้นทุนแฝงให้กลายเป็นกำไร
🏭 เจาะลึกระบบการผลิต… หัวใจของ PlanetOne ERP
ความแข็งแกร่งของ PlanetOne ERP ไม่ได้อยู่ที่โมดูลใดโมดูลหนึ่ง แต่คือการ “เชื่อมโยง” ทุกส่วนงานของโรงงานเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว ตั้งแต่คำสั่งซื้อของลูกค้า (Sales Order) ไปจนถึงการส่งมอบสินค้า โดยมีระบบการผลิตเป็นศูนย์กลาง
กระบวนการทำงานที่ไร้รอยต่อนี้เริ่มต้นขึ้นทันทีเมื่อฝ่ายขายรับออเดอร์ ข้อมูลจะถูกส่งตรงไปยังฝ่ายวางแผนการผลิตเพื่อคำนวณผ่านระบบ MRP (Material Requirements Planning) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยลดต้นทุน
MRP คืออะไร? มันคือสมองกลที่ช่วยตอบคำถามสำคัญว่า:
- ต้องผลิตอะไร? จำนวนเท่าไหร่? (จาก Sales Order)
- ต้องใช้วัตถุดิบอะไรบ้าง? (อ้างอิงจากสูตรการผลิต หรือ BOM – Bill of Materials)
- มีของในสต็อกเท่าไหร่? (ดึงข้อมูลสต็อกจริง Real-time)
- ต้องสั่งซื้อเพิ่มเท่าไหร่? และต้องสั่งเมื่อไหร่?
เพียงแค่ระบบ MRP ทำงานได้อย่างแม่นยำ โรงงานก็สามารถตัดปัญหาการสั่งของ “เผื่อ” หรือการสั่งของ “ขาด” ไปได้ทันที ซึ่งนี่คือการลดต้นทุนก้อนแรกที่เห็นผลชัดเจนที่สุด
💰 3 จุดแข็งหลักของ PlanetOne ERP ที่ช่วย “ลดต้นทุน” โรงงาน
PlanetOne ERP ถูกออกแบบมาโดยคนไทย เพื่อเข้าใจปัญหาของโรงงานไทย (โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจ OEM หรือรับจ้างผลิต) ทำให้มีฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การลดต้นทุนโดยตรง ดังนี้
1. การควบคุมสต็อกที่แม่นยำ (Accurate Inventory Control)
นอกเหนือจาก MRP ที่ช่วยวางแผนการสั่งซื้อแล้ว ระบบยังเชื่อมโยงกับการจัดการคลังสินค้า (Inventory Control) แบบเรียลไทม์ ทำให้โรงงานรู้สถานะของวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูปที่แท้จริงตลอดเวลา
- ลดปัญหาสต็อกจม: ไม่ต้องสต็อกของที่ไม่จำเป็น ช่วยเพิ่มกระแสเงินสดหมุนเวียนในบริษัท
- ลดการสูญเสีย: ติดตามวัตถุดิบที่มีวันหมดอายุ (Expiry Date) หรือการเบิกจ่ายตาม Lot. No. ได้อย่างแม่นยำ ป้องกันการเสื่อมสภาพคาคลัง
2. การมองเห็นต้นทุนจริง (Visibility of Actual Costs)
โรงงานหลายแห่งรู้ “ต้นทุนมาตรฐาน” (Standard Cost) ที่ตั้งไว้ แต่ไม่เคยรู้ “ต้นทุนจริง” (Actual Cost) ที่เกิดขึ้นในแต่ละใบสั่งผลิต (Production Order)
PlanetOne ERP จะช่วยบันทึกต้นทุนที่เกิดขึ้นจริงทั้งหมด ทั้งค่าวัตถุดิบที่เบิกใช้, ค่าแรงงานที่ลงไปในกระบวนการนั้นๆ (Shop Floor Control) และค่าใช้จ่ายในการผลิต (Overhead)
- ประโยชน์: ผู้บริหารสามารถวิเคราะห์ได้ทันทีว่าสินค้าตัวไหน “กำไรจริง” หรือ “ขาดทุน” ทำให้สามารถตั้งราคาขายได้อย่างเหมาะสม และรู้ว่าควรจะปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตที่จุดไหน
3. การลดของเสียและงานซ้ำซ้อน (Reducing Waste and Redundancy)
การเชื่อมโยงข้อมูลคืออาวุธสำคัญในการลดความผิดพลาด
- โมดูลควบคุมคุณภาพ (QC): ระบบสามารถบังคับให้มีการตรวจสอบคุณภาพในขั้นตอนต่างๆ (เช่น IQC – ตรวจรับวัตถุดิบ, IPQC – ระหว่างผลิต) หากไม่ผ่าน QC ระบบจะไม่อนุญาตให้ไปขั้นตอนถัดไป ช่วยสกัดปัญหาได้ตั้งแต่ต้นทาง ลดการผลิตของเสียจำนวนมาก
- ข้อมูลชุดเดียว (Single Source of Truth): ฝ่ายผลิต ฝ่ายจัดซื้อ และบัญชี ทำงานบนข้อมูลเดียวกัน ไม่ต้องคีย์ข้อมูลซ้ำซ้อน ลดความผิดพลาดจาก Human Error และลดเวลาการทำงานที่ไม่จำเป็น
🚀 สรุป: ไม่ใช่แค่ ERP แต่คือ “เครื่องมือ” ลดต้นทุนของโรงงาน
PlanetOne ERP พิสูจน์ให้เห็นว่าระบบ ERP ที่ดีสำหรับโรงงาน ไม่ใช่แค่โปรแกรมบัญชีที่พ่วงระบบอื่นเข้ามา แต่ต้องเป็นระบบที่ “เกิดมาเพื่อการผลิต”
ด้วยการออกแบบที่เข้าใจกระบวนการผลิตอย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่การวางแผนวัตถุดิบ (MRP) การคุมสูตรการผลิต (BOM) ไปจนถึงการควบคุมคุณภาพ (QC) และการคำนวณต้นทุนจริง (Actual Cost) ทำให้ PlanetOne ERP เป็นจุดแข็งสำคัญสำหรับโรงงานที่ต้องการ “ลดต้นทุน” อย่างจริงจังและยั่งยืน โดยการเปลี่ยนข้อมูลที่เคยมองไม่เห็น ให้กลายเป็นเครื่องมือในการตัดสินใจที่เฉียบคม