โปรแกรม ERP ที่ใช้ในโรงงาน: ทำไมต้องเป็นระบบ PlanetOne ERP?

ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในภาคการผลิต การใช้เครื่องมือบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพจึงเป็นหัวใจสำคัญในการอยู่รอดและเติบโต ระบบ ERP (Enterprise Resource Planning) คือคำตอบที่ช่วยให้โรงงานสามารถบูรณาการทุกส่วนงานเข้าด้วยกัน และหากคุณกำลังมองหาระบบ ERP ที่ตอบโจทย์ธุรกิจการผลิตในไทยอย่างแท้จริง PlanetOne ERP คือตัวเลือกที่โดดเด่นและน่าพิจารณา


ความท้าทายของโรงงานในปัจจุบันที่ ERP ช่วยแก้ไขได้

โรงงานอุตสาหกรรมการผลิต โดยเฉพาะธุรกิจแบบ OEM (Original Equipment Manufacturer) ในประเทศไทย มักเผชิญกับปัญหาหลักๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินงาน ได้แก่:

  1. ข้อมูลกระจัดกระจายและขาดการเชื่อมโยง: การใช้ซอฟต์แวร์หลายตัวแยกส่วน ทำให้ข้อมูลไม่เป็นปัจจุบัน ขาดความแม่นยำ และนำไปสู่การตัดสินใจที่ล่าช้า
  2. การควบคุมต้นทุนและการบริหารสต็อกที่ไม่มีประสิทธิภาพ: การจัดการสินค้าคงคลัง (วัตถุดิบ, ชิ้นส่วน, สินค้าสำเร็จรูป) ที่ผิดพลาด ทำให้เกิดปัญหาของขาดหรือของเกินสต็อก ส่งผลให้เงินทุนจมและต้นทุนการผลิตสูง
  3. ความซับซ้อนในการบริหารจัดการการผลิต: การจัดการสูตรการผลิต (BOM – Bill of Materials) การวางแผนความต้องการวัสดุ (MRP) และการควบคุมการผลิต (Shop Floor Control) เป็นเรื่องที่ซับซ้อนและต้องใช้ความแม่นยำสูง
  4. การควบคุมคุณภาพและการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability): ธุรกิจ OEM ต้องรักษามาตรฐานคุณภาพที่เข้มงวด และจำเป็นต้องมีระบบที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับกระบวนการผลิตและชิ้นส่วนต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว

PlanetOne ERP: ระบบ ERP สัญชาติไทย เพื่อโรงงานไทยโดยเฉพาะ

PlanetOne ERP ถูกพัฒนาขึ้นโดยบุคลากรชาวไทย โดยมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในบริบทและข้อจำกัดของธุรกิจการผลิตในประเทศไทย ทำให้เป็นโซลูชันที่สามารถตอบโจทย์เฉพาะด้านได้เป็นอย่างดี:

1. ตอบโจทย์การผลิตอย่างครบวงจร (Manufacturing-Focused Modules)

PlanetOne ERP มาพร้อมกับโมดูลหลักที่จำเป็นสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมอย่างครบถ้วนและมีประสิทธิภาพ:

  • Materials Requirement Planning (MRP): ช่วยในการวางแผนความต้องการวัสดุได้อย่างแม่นยำ ลดปัญหาของขาดมือและสต็อกจม
  • Shop Floor Control / Production Planning: ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดตารางการผลิต จัดสรรทรัพยากร (เครื่องจักรและบุคลากร) และติดตามสถานะการผลิตแบบเรียลไทม์
  • Inventory / Warehouse Management: จัดการสินค้าคงคลังอย่างเป็นระบบ ควบคุมการเบิกจ่ายวัตถุดิบ และรองรับการจัดการสินค้าคงคลังแบบเรียลไทม์
  • Product / Job Costing: สามารถคำนวณและควบคุมต้นทุนการผลิตได้อย่างละเอียด ทำให้ทราบกำไรขั้นต้น (GP Report) ที่แท้จริงของผลิตภัณฑ์แต่ละรายการ

2. การบูรณาการข้อมูลเพื่อการตัดสินใจที่แม่นยำ

หัวใจสำคัญของ ERP คือการรวมข้อมูล ทุกฟังก์ชันงานของ PlanetOne ERP ไม่ว่าจะเป็นการขาย (Sales Order), การจัดซื้อ (Purchasing), การผลิต (Manufacturing), สินค้าคงคลัง (Inventory) และบัญชี (General Ledger, Account Payable/Receivable) จะทำงานบนฐานข้อมูลเดียวกัน ทำให้ผู้บริหารสามารถ มองเห็นภาพรวมของธุรกิจ ได้อย่างชัดเจน แบบเรียลไทม์ นำไปสู่การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่รวดเร็วและถูกต้อง

3. ความยืดหยุ่นและการรองรับบริบทท้องถิ่น

ในฐานะที่เป็นระบบที่พัฒนาโดยคนไทย PlanetOne ERP จึงมีความยืดหยุ่นสูงในการปรับแต่งให้เข้ากับ Business Process และข้อกำหนดทางกฎหมายของไทย รวมถึงรองรับการทำงานในลักษณะ:

  • Multi-Company และ Multi-Currencies: รองรับการทำงานในองค์กรที่มีหลายบริษัทและต้องทำธุรกรรมด้วยหลายสกุลเงิน
  • การรองรับกฎระเบียบของกรมสรรพากร: มั่นใจได้ว่าการบันทึกบัญชีและการออกเอกสารทางการเงินเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด

4. การสนับสนุนและบริการหลังการขายโดยผู้เชี่ยวชาญไทย

การติดตั้งระบบ ERP ไม่ได้จบแค่การลงซอฟต์แวร์ แต่ต้องมีการให้คำปรึกษาและการวางระบบที่มีคุณภาพ PlanetOne ERP มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านการวางระบบ ERP ที่พร้อมให้คำปรึกษาและบริการหลังการขาย ซึ่งช่วยให้โรงงานสามารถนำระบบไปใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและราบรื่น

สรุป

การเลือก PlanetOne ERP จึงเป็นการลงทุนในระบบบริหารจัดการที่ถูกออกแบบมาเพื่อ ลดความซ้ำซ้อนของงาน (No more redundant work), เพิ่มความสามารถในการ ตรวจสอบย้อนกลับและความรับผิดชอบ (Traceability and accountability) และช่วยให้โรงงานไทยก้าวสู่ยุค Smart Factory ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

คุณสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความสำเร็จของบริษัทผู้พัฒนาระบบนี้ได้จากวิดีโอ ความสำเร็จของ BRID Systems ผู้พัฒนาระบบ PlanetOne ERP ซึ่งนำเสนอเรื่องราวของ BRID Systems ผู้พัฒนาระบบ PlanetOne ERP.

Scroll to Top